กิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ( Value Added Tax) คือผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.
28 พ. ค. 2564 17:40 น. การทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเงิน หรือติดต่อทางการค้าประเภทต่างๆ จำเป็นจะต้องมี " ใบเสร็จรับเงิน " และ " บิลเงินสด " เป็นเอกสารสำคัญในการยื่นทำเรื่องเบิก จ่าย ชำระเงิน และเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบในภายหลังได้ แม้เอกสารทั้ง 2 แบบจะที่ความคล้ายกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างที่ควรรู้ไว้ เพื่อที่จะได้เลือกนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง "ใบเสร็จรับเงิน" คืออะไร แตกต่างจาก "บิลเงินสด" อย่างไรบ้าง? ใบเสร็จรับเงิน คือ หลักฐานในการรับเงิน โดยทางผู้ขายจะต้องออกให้ผู้ซื้อเมื่อมีการขายและบริการ เพื่อยืนยันว่าได้มีการรับเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรมสรรพากรได้กำหนดไว้ว่า การจะออกใบเสร็จรับเงินได้นั้น จะต้องมีจำนวนเกิน 100 บาท สำหรับ ใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้อง หรือ ใบเสร็จรับเงินบุคคลธรรมดา จะต้องมีส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้ 1. มีคำว่า "ใบเสร็จรับเงิน" กำกับไว้บนเอกสาร 2. มีชื่อ และที่อยู่ ของผู้ขายสินค้า/บริการ 3. มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขายสินค้า/บริการ 4. มีการระบุวันที่ออกใบเสร็จรับเงิน 5.
คำว่า " ใบกำกับภาษี " 2. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย 3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ขายสินค้าหรือให้บริการ 4. ชื่อ ที่อยู่ ผู้ซื้อ 5. เลขที่ เล่มที่(ถ้ามี) ของใบกำกับภาษี 6. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี 7. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และราคาของสินค้าหรือบริการ 8. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยแยกออกจากราคาของสินค้าหรือบริการให้ชัดเจน 3. ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ( Cash Receipts/Tax Invoice) เป็นเอกสารที่ผู้ขายจัดทำออกให้แก่ผู้ซื้อเมื่อขายสินค้าหรือเมื่อได้รับชำระ หนี้จากลูกหนี้ที่มีการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อเรียบร้อยแล้วจัดทำอย่างน้อย 2 ฉบับ เช่นเดียวกัน รูปแบบของใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ในกรณีขายสินค้าเป็นเงินสด ผู้ประกอบการอาจปรับปรุงใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีเพื่อใช้เป็นฉบับเดียวกันก็ได้ ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีมีรายละเอียดเช่นเดียวกับใบกำกับภาษีดังนี้ 1. คำว่า " ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี " 2. ชื่อ ที่อยู่ ประเภท และราคาของสินค้าหรือบริการ 8. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยแยกออกจากราคาของสินค้าหรือบริการให้ชัดเจน 4. ใบส่งคืนหรือใบลดหนี้ ( Debit Note หรือ Debit Memorandum) ใบส่งคืนหรือใบขอลดหนี้เป็นเอกสารที่ผู้ซื้อสินค้าจัดทำส่งให้ผู้ขายสินค้า สำหรับขอลดหนี้ค่าสินค้าหรือและภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากสินค้าเมื่อมคุณภาพหรือชำรุดหรือคุณภาพไม่ตรงตามที่สั่งซื้อต้นฉบับ บรรทุกบัญชีเพื่อลดหนี้ มีรายละเอียดดังนี้ 1.
พ.
ใบสั่งซื้อ ( Purchase Order) พิจารณาตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าจากผู้เสนอราคาที่ คุณภาพดีและราคาถูก จึงออกใบสั่งซื้อซึ่งผู้ซื้อจะทำขึ้นอย่างน้อย 2 ฉบับ (ต้นฉบับและ สำเนา) โดยระบุประเภทชนิด ปริมาณของสินค้า ต้นฉบับส่งให้ผู้ขายเพื่อเป็นหลักฐานการสั่งซื้อ สำเนาเก็บไส้เพื่อเป็นหลักฐานของผู้ซื้อ ใบสั่งซื้อเป็นเอกสารที่ไม่ได้นำมาบันทึกรายการทางบัญชี เพราะยังไม่ได้มีการตกลงซื้อขายกันจริง ผู้ซื้อยังไม่ได้รับสินค้าตามใบสั่งซื้อ ถือว่าการซื้อยังไม่ได้เกิดขึ้น รายละเอียดมีดังนี้ 1. คำว่า " ใบสั่งซื้อ " 2. ชื่อ ที่อยู่ ผู้ซื้อ 3. ชื่อ ที่อยู่ ผู้ขาย 4. เลขที่ เล่มที่(ถ้ามี) ของใบสั่งซื้อ 5. วัน เดือน ปี ที่ออกใบสั่งซื้อ 6. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และราคาของสินค้าหรือบริการ 7. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยแยกออกจาก ราคาของสินค้าหรือบริการให้ชัดเจน 2.