ดร. ดาวใจ: เราไม่ได้ทำเสียหายอะไร คนเราจะอับอาย ก็ต่อเมื่อเราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราทำสิ่งที่ถูกต้องเราจะอายทำไม แต่เราก็วิเคราะห์ดูแล้ว เราบอกประชาชนไปเลยดีกว่า ถ้าได้คนที่มีศักยภาพมารับไม้ต่อจากเราไป เราก็มีความสุข เราก็สามารถทำบุญได้มากขึ้น ยิ่งคนที่มามีวัตถุประสงค์เดียวกับเราก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะปัจจุบันนี้ ดาวใจก็ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องที่เป็นนักบุญคนหนึ่ง ไปไหนก็มีแต่คนยกยอเป็นอุบาสิกาชั้นยอดเลย แล้วตระกูลของเราก็เป็นตระกูลนักบุญ ทั้งปู่ย่า ตา ยาย กิจการตอนนี้ยังเปิดอยู่ไหม? ดร. ดาวใจ: ช่วงนี้ปิดเพราะเราต้องปิดตามระบบของกฏหมาย แต่เดิมเรามีทั้งร้านอาหารที่อร่อยที่สุด เรามีโรงละคร มีสปา และโรงแรมเรามีพร้อมหมด ในกิจการทั้งหมดเสียดายอะไรมากที่สุด? ดร. ดาวใจ: เสียดายโอเปร่าเฮ้าส์ เพราะว่าเป็นตัวตนของเรา เราสร้างมากับมือ เราคาดหวังว่า เราจะส่งเสริมศิลปินทั้งเก่าและใหม่ ทั้งคนเก่าที่ยังไม่ป่วย เขาก็หายป่วยเพราะได้มาแสดงที่เราหลายคน เด็ก ๆ ศิลปินรุ่นใหม่ก็ได้เกิดตรงนี้ ศิลปินรุ่นเดอะก็ได้ถ่ายทอดวิชาตรงนี้ ที่เราทำมาโดยตลอด เราก็เสียดายเพราะเราก็ทำเต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่เราตั้งเป้าว่าจะรีไทร์ เราก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราจะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกจะห่วงใยกังวล แค่พูดถึงยังน้ำตาคลอ กลางคืนมีนอนร้องไห้ไหม?
ดร. ดาวใจ: ใช่ เพราะเราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เราอายุ 70 แล้ว บางครั้งยังนึกว่าตัวเอง 40 ไปไหนมาไหนใคร ๆ ก็บอกว่าแข็งแรงมาก คือถ้ามีคนมาซื้อไปหรือมารับบริหาร หรือมาจับมือกันทำ เราก็จะเบาลง เพราะถ้าเราอายุมากกว่านี้เราก็จะไปไหนไม่ค่อยไหวแล้ว แต่คนในวงการส่วนใหญ่จะขายอะไร เขาจะปากต่อปาก เขาจะไม่ค่อยออกสื่อ ที่ตัดสินใจออกสื่อเพราะอะไร? ดร. ดาวใจ: เพราะแม่คิดว่าเป็นสิทธิของแม่ และเราก็มีเจตนาบริสุทธิ์ เราทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด ใคร ๆ ก็จะรู้ว่าแม่นึกถึงคนอื่นเสมอเพื่อนในวงการรู้ว่าเราเป็นผู้เสียสละ โอเปร่าเฮ้าส์ ถือว่าเป็นต้นโพธิ์ เป็นที่พักพิงที่หนึ่งของเหล่าศิลปิน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำมาตลอดทุกคนก็ภูมิใจ ทุกวันนี้ก็ยังดูแลกันอยู่ ถ้าแม่จะออกมาขายหรือเปลี่ยนมือ มันมีอยู่ 3 ส่วน มีโอเปร่าเฮ้าส์ โรงแรม และสปา ก็อาจจะซื้อไปบางส่วนก็ได้ หรือจะซื้อหมดก็ได้ ก็แล้วแต่ ตอนนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น มาบอกที่นี่เป็นที่แรก? ดร.
ดาวใจ: มันก็มีค่าอุปรากรณ์ ค่ากุ๊ก ค่าโน่นนี่ แค่ค่ากุ๊กอย่างเดียวเดือนหนึ่งก็เป็นแสนแล้ว ตอนที่เราทำก็มีทั้งงานแสดงและขายอาหาร ยุคหลังๆ เราก็มีการดัดแปลงตามสภาวะที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเราต้องแยกร้านอาหารมาอยู่ข้างล่าง การแสดงอยู่ข้างบน รายการทุกรายในประเทศไทย ไม่เคยมีรายไหนที่ไม่เคยมาถ่ายทำที่นี่ ทุกรายการเราออกมาหมดแล้ว ราคาประมาณเท่าไหร่ ดร. ดาวใจ: หากใครสนใจติดต่อดาวใจได้ คือตอนนี้เรามีโปรโมชั่นจาก 300 ล้าน เหลือ 240 ล้านเท่านั้นเอง แถมสุนัข 6 ตัว แล้วช่วงโควิดที่ผ่านมาต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่ ดร. ดาวใจ: ตอนนี้ก็เหลือแค่ 2-3 แสน ราคาที่ตั้งตอนนี้คือ 240 ล้าน แต่ถ้าเขามาต่อรองยอมขาดทุนไหม ดร. ดาวใจ: เรื่องนี้เราคุยกันได้ ขอให้ตั้งใจจริง แล้วตัวปลอมที่มาแหย่ มาแกล้งแม่อย่าทำเลยมันบาป เราคุยกันด้วยเหตุผล คือถ้าได้ของดาวใจไปก็เท่ากับว่าได้ทำบุญใหญ่ ลูกน้องที่เหลือตอนนี้เหลือกี่คน ดร. ดาวใจ: 10 กว่าคน แต่ก่อนมีประมาณ 50 คน เพราะแค่ห้องนวดก็มีเป็นสิบสิบห้องแล้ว เราทำสปาเราก็ทำเป็นสปาบำบัด เป็นสูตรอย่างดีแช่น้ำว่าน รักษาโรคพาร์กินสันได้ อัมพฤกษ์ได้ วันที่ต้องปลดพนักงาน บอกเขาอย่างไร ดร.
ผู้เขียน อภิวัฒน์ คำสิงห์ เผยแพร่ วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ. ศ.
ดาวใจ: คือทุกอย่างมีวาระของมัน อยู่แล้ว คนจะคัดตัวเองอยู่แล้ว บางคนไม่ทำงานจริง มาหลอกเราก็มี คนเหล่านั้นก็ต้องไปก่อน เราคิดว่าคนดีก็เหมือนทองคำ ความดีก็คือทองคำ ส่วนคนที่เหลืออยู่ 10 กว่าคนนั้น เราไปไหนก็ไปด้วยกัน คือเราจะไม่ปลดแล้ว ถ้าเราขายกิจการไป แล้วเขาอยากกลับบ้านนอกก็กลับ แต่ถ้าเขาไม่อยากกลับบ้านนอกเราไปไหนก็ไปด้วยกัน เพราะแต่ละคนอยู่กันมาเกินครึ่งชีวิต เพราะที่ตรงนี้เราอยู่มาตั้งแต่อายุ 20 ปี เป็นที่อยู่ดั้งเดิมของเราที่เราปรับพื้นที่มาทำเป็นธุรกิจ มีข่าวว่าเครียดเรื่องหนี้สินด้วย ดร. ดาวใจ: เรื่องหนี้สินไม่มีปัญหา มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ปัญหาใหญ่คือสุขภาพร่างกายของเรา โปรเจคแบบนี้ถ้าเราเจอคนที่เขาอยากได้ เราก็คงจะเบาขึ้นเยอะ ถ้ามีคนมาขอซื้อแต่ให้เราบริหารเหมือนเดิมจะติดอะไรไหม ดร. ดาวใจ:เราช่วยได้เต็มที่ ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นคนพูดจริงทำจริงและใจดีพอ รักษาคำพูดทุกอย่าง และแม้ว่า เขาจะไปทำอย่างอื่น ก็เป็นสิทธิ์ของเขาแล้ว ขอย้ำช่องทางในการขายหน่อย ดร. ดาวใจ: ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-931-4775 062-364-2445 ไม่ว่าจะเป็นทั้ง 3 โครงการ หรือซื้อแค่โครงการใดโครงการหนึ่งก็คุยกันได้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อกันง่ายๆ ทุกอย่างก็ต้องมีการพูดคุย ก็มาเข้ามาดูพื้นที่ มาดูเอกสารได้หมด เห็นว่าสิ่งหนึ่งที่กลัวคือกลัวคนวงในรอขย้ำเหรอ ดร.
ดร.
หลงซูร้องบอกด้วยสีหน้ากระตือรือร้น หลงเทียนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของหลงซู เขาจ้องมองถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้า แต่มิได้หยิบขึ้นมาดื่มในทันที ในใจกลับครุ่นคิดว่าในถ้วยชานี้จะผสมสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือไม่? หลงซูเองก็สังเกตเห็นท่าทีลังเลของหลงเทียนเช่นกัน เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง " ฮ่าๆๆ น้องเทียน นี่เจ้าคิดว่าข้าจะผสมยาพิษในชางั้นรึ? แค่คิดข้ายังไม่กล้าเลย ข้ายังไม่อยากตายด้วยน้ำมือของปู่เจ้า" หลงซูอ้างหลงเหรินซึ่งเป็นปู่ของเขาและเป็นประมุขตระกูลหลง เพื่อให้ตนเองดูไม่มีพิษมีภัยและบริสุทธิ์ใจ แต่ถึงอย่างนั้น หลงเทียนก็มิได้หยิบถ้วยชาขึ้นดื่ม เขาไม่กล้าที่จะนำชีวิตของตนเองเข้าไปเสี่ยง เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล หลงซูยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ และเปลี่ยนมาใช้แผนใหม่ที่เตรียมมา เขาคาดการและวางแผนสำรองไว้แล้วหากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น แม้เขาจะรู้ว่าหลงเทียนเป็นเด็กปัญญาอ่อน แต่บางคราคนประเภทนี้ก็สามารถทำบางสิ่งบางอย่างที่เฉลียวฉลาดได้ด้วยความบังเอิญ เขาจึงได้เตรียมแผนสำรองมาไว้ล่วงหน้า หลงซูหยิบชาถ้วยหนึ่งขึ้นมา และกระดกเข้าปากทันที! " เอาล่ะ คราวนี้เจ้าเชื่อข้าได้หรือยังน้องเทียน? "